วิธีพัฒนา Connection เพื่อผลตอบแทนระยะยาวทางธุรกิจ

Must read

ชีวิตมนุษย์ เพราะในโลกความจริงเราไม่อาจวัดทุกสิ่งเป็นตัวเลขได้เสมอไป ดังนั้น เราจึงต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นทางลัดในการเข้าถึงคุณภาพที่ดีกว่า

คนทั่วไปอาจรู้สึกว่า การแสวงหา Connection เป็นเรื่องยาก เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ย่อมไม่เปิดโอกาสให้คนธรรมดาเข้าพบได้โดยง่าย แต่หากเราลองเปิดกว้างทางความคิดให้มากกว่านี้ โดยการขยายนิยามของ Connection ออกไปยังคนทั่วไป ตั้งแต่เพื่อนบ้าน เพื่อนโรงเรียน เพื่อนร่วมงาน ไปจนกระทั่งถึง เพื่อนต่างสาขาอาชีพ เราก็อาจสามารถพัฒนา Connection ที่ดีได้ บางทีคนเล็กๆ ก็อาจช่วยเหลือเราได้มากกว่าคนใหญ่คนโต เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมเกิดขึ้น

1.  ไม่ลงทุนใน Connection กับใครมากเกินไป หากยังไม่เห็นผลตอบแทนที่ชัดเจน
โลกใบนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังนั้น การทุ่มเทให้ Connection ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหน จึงไม่อาจคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ทั้งในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม
ยิ่งคนใหญ่คนโต ก็ย่อมมีผู้เข้าหามากเป็นธรรมดา สิ่งที่ผู้ใหญ่ตกลงจะให้เราในวันนี้ ก็อาจโดนคนอื่นยื่นข้อเสนอตัดหน้าไปในวันพรุ่งนี้ได้

กลยุทธ์ที่ดีกว่า คือ การนัดทานข้าวและพบปะกับ Connection เฉพาะเวลาที่โอกาสเอื้ออำนวยเท่านั้น เช่น เมื่อพบเจอในงานสัมมนาโดยบังเอิญ จึงนัดหมายไปทานข้าวกันต่อในภายหลัง หรือเมื่อพบว่าผู้ใหญ่มีข่าวลงในหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วเราโทรไปแสดงความยินดีหรือเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ

แต่หากไม่มีโอกาสใดเป็นพิเศษ เราอย่าขอนัดพบ Connection อย่างพร่ำเพรื่อ เพราะนอกจากจะเปลืองเวลาของผู้ใหญ่แล้ว ยังทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของเราสูงขึ้นอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น เมื่อถึงจังหวะจำเป็นที่ต้องใช้ Connection ผู้ใหญ่ก็จะรู้สึกว่าเรามารบกวนทรัพยากรของท่านมากเกินไป

เราควรกระจายเวลาและทรัพยากรไปกับ Connection ในหลากหลายวงการมากกว่าจะยึดติดกับ Connection ระดับสูงเพียงคนเดียว เพราะกลไกตลาดและธรรมชาติน่าจะคัดสรรได้ดีกว่าตัวเรา ในการประเมินว่า สินค้าและบริการของเราจะเหมาะกับลูกค้าคนใดมากกว่ากัน

ยิ่งกว่านั้น การที่เรามีโอกาสได้รู้จักกับผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่ง “ระดับรอง” จากผู้ใหญ่ที่เรารู้จัก เราก็ควรที่จะเปิดใจเพื่อคบหาไว้ เพราะบางทีคนเหล่านี้ก็อาจนำมาซึ่งโอกาสให้เราได้งานทำมากกว่าผู้ใหญ่โดยตรง เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้ใหญ่ระดับสูงสุดจะเป็นเพียงคนมอบนโยบายกว้างๆ ส่วนผู้ใหญ่ระดับรองกลับเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง
เราจึงไม่ควรมองข้ามความสำคัญของทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะคนที่เราคิดว่าไม่มีโอกาสจะให้งานเราได้นั้น ในบางจังหวะก็สามารถส่งงานมาให้เราได้เหมือนกัน เนื่องจากคนเล็กๆ ก็ยังนับเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในการคัดเลือกสินค้าและผู้คนให้กับองค์กรนั้น

โดยเฉพาะในองค์กรใหญ่ซึ่งตำแหน่งหน้าที่ทั้งหลาย บางครั้งก็มีการซ้อนเหลื่อมกัน ขณะที่งานบางประเภทก็อาจไม่มีใครเหลือบแลเลย นี่จึงเป็นช่องว่างโดยธรรมชาติที่เปิดโอกาสให้เราเข้าไปค้นหามูลค่าเพิ่มได้

2. เรียนรู้เคล็ดวิชาและประสบการณ์ของ Connection อย่างเต็มที่
หากจิตใจคิดแต่จะ “ขายของ” ให้ผู้ใหญ่รับรู้ในความสามารถของเราเพียงอย่างเดียว ผู้ใหญ่ย่อมสัมผัสเจตนาแฝงเร้นนี้ได้และอาจจะประเมินคุณค่าของเราต่ำลง

เราจึงไม่ควรทำตัวเป็นนักการตลาดจนเกินพอดี หากต้องสร้าง “สมดุล” ด้วยการรับฟังและดูดซับประสบการณ์ชีวิตที่ผู้ใหญ่ยินดีเปิดเผยให้เราฟังอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากเป็นมารยาทที่สุภาพแล้ว มันยังช่วยให้การสนทนามีรสชาติกลมกล่อมขึ้น
เมื่อบรรยากาศเป็นใจแล้ว อะไรดีๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นได้

แน่นอนว่า ความรู้ที่ได้รับย่อมไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้ในวันนี้ แต่อย่างน้อยเมื่อเราเสียเวลามาพบผู้ใหญ่แล้ว เราก็ควรจะเก็บเกี่ยวอะไรไปให้เต็มที่ เพราะงานที่เราอยากได้นั้น เราอาจไม่ได้ในวันนี้เช่นกัน แต่ความรู้ที่ได้รับ เรายังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อหาประโยชน์ในอนาคตได้

Connection จึงเปรียบเสมือน “ต้นไม้” ที่เราต้องเพาะบ่มให้กลมกล่อม โดยเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมทั้งแสงแดด น้ำฝน สายลม ธาตุอาหาร และการพรวนดินให้เหมาะสม โดยไม่อาจใส่ปุ๋ยเร่งโตหรือยาฆ่าแมลงมากเกินไปได้ หากต้องปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ได้งอกงามไปตามกาลเวลา เราเพียงแต่ดูแลสภาพแวดล้อมให้ดีก็เพียงพอแล้ว

ที่สำคัญ เรายังไม่ควรคิดถึงแต่ดอกผลเท่านั้น หากยังมีกิ่ง ก้าน ใบ และร่มเงา ให้เราได้เลือกสรรไปใช้ประโยชน์ทางอ้อมได้มากมาย ขึ้นอยู่กับจินตนาการและระดับการเปิดใจของเรา

3. ทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม แล้ว Connection จะติดต่อมาเอง
ความสัมพันธ์แบบ Connection เปิดโอกาสให้เรานำเสนอสินค้าและความสามารถของเราให้ลูกค้ารับฟังได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพที่ 75 แต่คู่แข่งมี 80 ลูกค้าก็อาจตัดสินใจเลือกสินค้าของเราได้ เพราะลูกค้ารู้สึกเชื่อใจและไว้ใจมากกว่า

แต่หากว่าคะแนนของเราแตกต่างจากคู่แข่งเกินไป เช่น ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพ 60 แต่คู่แข่งมีคุณภาพ 80 ลูกค้าของเราก็อาจเริ่มรู้สึกลังเลที่จะใช้บริการของเรา เพราะแม้คุณภาพของคู่แข่งจะโฆษณาเกินจริงไปบ้าง แต่เมื่อลดทอนลงมาสู่ระดับที่เป็นจริง ก็อาจจะอยู่ที่ระดับ 70 คะแนน ซึ่งยังคงมากกว่าผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ดี

เราจึงไม่ควรหวังพึ่ง Connection เพียงอย่างเดียว หากยังต้องเร่งพัฒนาตัวเราและสินค้าให้มีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่งด้วย
การลงทุนใน Connection ส่วนใหญ่แล้ว จึงเป็นสิ่งที่เราต้องหวังผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาวเท่านั้น

หากทว่า ในระยะสั้น เราก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในเรื่องคุณค่าได้มากมาย ตั้งแต่ความรู้จากประสบการณ์จริงของผู้ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ไปจนกระทั่งถึงศิลปะการเจรจาและสร้างสัมพันธ์ที่เราจะได้ฝึกฝนกับผู้ใหญ่เหล่านั้นอย่างเต็มที่ หากเรามีจุดผิดพลาดประการใด ผู้ใหญ่ก็จะสามารถชี้แนะให้ได้ในทันที ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวเราเป็นอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไป ประสบการณ์และความสามารถของเราเพิ่มพูน สินค้าและบริการของบริษัทเราได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Connection ที่เราทุ่มเทสร้างสัมพันธ์ไว้แบบระยะยาว ก็ย่อมตระหนักถึงคุณภาพที่คับแก้วและรอบด้านของตัวเรา จึงอดใจไม่ไหวที่จะส่งมอบงานมาให้บริษัทของเรา โดยที่บางครั้งเราอาจแทบไม่ต้องร้องขอเลย

- Advertisement -

More articles

Magazines

66,596FansLike
4,597FollowersFollow
191FollowersFollow
4FollowersFollow
1FollowersFollow
50FollowersFollow
87SubscribersSubscribe
- Advertisement -

Latest article