ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นายโชติ เชื้อโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูและนายณัฐพงศ์ คำวงศ์ปิน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีนายสุพล แก้วปัญญา สมาชิกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู พาเยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของผู้คนภายในชุมชน รวมทั้งเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ อาทิ ฐานเรียนรู้แหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อยชมผ้าไหมกุดกวางสร้อย ฐานเรียนรู้ตลาดปลาท่าศิลา ฐานเรียนรู้ช่องเขาขาด รวมทั้งมีการถ่ายทำรายการกิจกรรมการเรียนรู้และการเสวนาเพื่อนำไปออกรายการโทรทัศน์เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับชมผ่านรายการโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลช่องอัมรินทร์ทีวี (ช่อง 34 )
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ชุมชนบ้านโนนสังในครั้งนี้ นอกจากรับฟังสภาพปัญหาด้านประกันภัยของชุมชนแห่งนี้แล้ว ยังได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. หนองบัวลำภู ด้วยว่าในพื้นที่อำเภอโนนสัง มีจำนวนรถจักรยานยนต์ที่จัดทำประกันภัยภาคบังคับ (ประกัน พ.ร.บ.) ประมาณ 49% ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าอำเภออื่นๆ ขณะเดียวกันมีการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) นอกจากนี้ยังพบว่าเกษตรกรให้ความสำคัญในการทำประกันภัยข้าวนาปีน้อยมาก เนื่องจากอำเภอโนนสังเป็นพื้นที่รับน้ำใต้เขื่อนอุบลรัตน์ โดยเห็นได้จากปี 2560 มีเกษตรกรทำประกันภัยข้าวนาปีจำนวน 4,416 ราย พื้นที่จำนวน 43,457 ไร่ ในขณะที่ปี 2561 มีเกษตรกรทำประกันภัยข้าวนาปีจำนวน 48 ราย พื้นที่จำนวน 611 ไร่ อีกทั้งในพื้นที่มักเกิดอุทกภัย อันเนื่องมาจากร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้พืชสวน ไร่ นา บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอยู่เนื่องๆ รวมทั้งพบว่าใน 6 อำเภอของจังหวัดหนองบัวลำภู มีสภาพปัญหาเกี่ยวกับสารเคมีพาราควอตอะมิทรีนอาทราซีน มีความเข้มข้นสูงทั้งในดิน ตะกอนดิน อ่างเก็บน้ำ น้ำประปา และผัก ในปริมาณที่สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปริมาณสูง โดยเฉลี่ย 1.73 ลิตรต่อไร่ ส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่ป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า
ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จะเร่งรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอโนนสัง ให้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพทั้งประกันภัยประเภทที่กฎหมายบังคับและประกันภัยประเภทสมัครใจ เช่น การรณรงค์ให้รถจักรยานยนต์ทำประกันภัย พ.ร.บ.ในส่วนกรมธรรม์ภาคสมัครใจ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) หรือประกันภัย 100 กรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) หรือประกันภัย 200 ซึ่งเหมาะกับประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชุมชนบ้านโนนสูง กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรมธรรม์ประกันสุขภาพ กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์อัคคีภัย รวมทั้งการทำประกันภัย นาข้าวปีอีกด้วย
การลงพื้นที่ชุมชนบ้านโนนสังในครั้งนี้มีความแตกต่างจากการลงพื้นที่ตามโครงการ คปภ. เพื่อชุมชนในครั้งก่อนๆ เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมด้านประกันภัยเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย สำนักงาน คปภ. อาทิ กิจกรรม ประกันภัย พ.ร.บ. 100% เพื่อรณรงค์ให้รถจักรยานยนต์ทุกคันทำประกันภัย พ.ร.บ. โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยให้บริการทำประกันภัย พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ (ไม่เกิน 125 ซีซี) พร้อมออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมงาน คปภ. เพื่อชุมชนโนนสัง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ มูลค่ากรมธรรม์ละ 325 บาท จำนวน 100 คัน รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการทำ (ประกันภัย 100) หรือ ประกันอุบัติเหตุรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกระดับเข้าถึงระบบประกันภัยและใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม โดยมีการให้บริการทำประกันภัย 100 หรือ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) พร้อมออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมงาน คปภ.เพื่อชุมชนโนนสัง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ มูลค่ากรมธรรม์ละ 100 บาท คุ้มครองการเสียชีวิตสูงสุด 100,000 บาทต่อปี จำนวน 100 กรมธรรม์ ให้กับประชาชนที่มีอายุระหว่าง 20-60 ปีบริบูรณ์ เพียงแค่นำบัตรประชาชนมายื่นก็จะได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยทันที ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย