การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเจ้าหน้าที่และรถยนต์โดยสาร คอยให้บริการรับส่งผู้โดยสารรถไฟ ระหว่างปิดซ่อมแซมทางรถไฟที่ถูกระเบิดอย่างเต็มกำลัง รองรับเทศกาลฮารีรายอ ที่จะมีพี่น้องชาวมุสลิมเดินทางจำนวนมาก พร้อมร่วมมือหน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งซ่อมแซมทางรถไฟให้กลับมาใช้บริการได้ภายใน 5 วัน
จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบริเวณทางรถไฟระหว่างสถานีบาลอ (จังหวัดยะลา) – รือเสาะ (จังหวัดนราธิวาส) เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา จนส่งผลให้รางรถไฟเกิดความเสียหายเป็นทางยาว 20 เมตร รวมถึงเกิดหลุมลึกกว้างขนาดใหญ่อีก 2 หลุม และทำให้การรถไฟฯ ต้องมีการปิดเส้นทางดังกล่าว และปรับเปลี่ยนขบวนรถไฟ เพื่อทำการซ่อมแซมปรับปรุงทาง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างที่การรถไฟฯ ปรับเปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางที่เกิดเหตุระเบิด เพื่อให้เจ้าหน้าทีการรถไฟฯ ลงพื้นที่ซ่อมแซมทางที่เสียหายให้กลับมาใช้งานโดยเร็วนั้น การรถไฟฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการให้บริการการเดินทางแก่พี่น้องประชาชนคนไทย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่กำลังอยู่ในช่วงเทศกาลฮารีรายอ เฉลิมฉลองของชาวไทยเชื้อสายมุสลิม ด้วยการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ และบริการรถยนต์โดยสารคอยอำนวยความสะดวกรับส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางจนกว่าจะเปิดให้เดินรถไฟได้เป็นปกติ การรถไฟฯ ได้ประเมินว่าระหว่างที่มีการซ่อมแซม จะมีขบวนรถไฟได้รับผลกระทบต่อการเดินรถ ประมาณวันละ 14 ขบวน โดยขบวนรถจากกรุงเทพฯ จะไปได้ถึงที่สถานียะลาเท่านั้น ทำให้มีประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากโดยปกติเส้นทางรถไฟสายใต้จะมีประชาชนใช้บริการมากอยู่แล้ว ประกอบกับขณะนี้ตรงกับเทศกาลฮารีรายอจะมีประชาชนใช้บริการรถไฟในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก การรถไฟฯ จึงได้จัดรถโดยสารคอยให้บริการ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ คอยดูแลอำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชนอย่างสุดกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นที่พึ่งของประชาชนในยามลำบากให้ได้มากที่สุด
“บรรยากาศในการให้บริการหลังปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินขบวนรถไฟเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนที่ได้ซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าและต้องการเดินทางต่อผ่านในจุดที่รางรถไฟได้รับความเสียหายโดยสถานียะลา ได้จัดเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ขนถ่ายผู้โดยสาร จากขบวนรถไฟไปใช้บริการรถโดยสารที่จัดเตรียมไว้ เพื่อไปส่งตามที่หมายต่างๆ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ทำให้ประชาชนมีความอุ่นใจในการเดินทาง นอกจากนี้ ในส่วนผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินทางในช่วงนี้ ยังสามารถเลือกคืนเงินค่าโดยสารได้เต็มราคาอีกด้วย”
นายวุฒิชาติกล่าวต่อว่า การรถไฟฯ ได้ประสานกับฝ่ายความมั่นคงให้ดูแลพื้นที่เกิดเหตุและการซ่อมแซมทางรถไฟอย่างใกล้ชิด โดยให้เจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ เข้าพื้นที่ซ่อมแซมได้เฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่าและสวนยางทึบจึงต้องระวังในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย อีกทั้งยังได้ประเมินการซ่อมแซมเบื้องต้นว่าจะเสร็จ และกลับมาเปิดให้บริการได้ประมาณ 5 วัน (นับจากวันที่ 5 กรกฎาคม) โดยจะกินพื้นที่การซ่อมแซมจากจุดระเบิดของทางไม่น้อยกว่าฝั่งละ 20 เมตร ใช้งบประมาณซ่อมแซมเบื้องต้น 5 ล้านบาท สำหรับวัสดุที่ต้องใช้ในการซ่อมทาง นอกจากปรับชั้นหินแล้ว จะต้องใช้รางใหม่ประมาณ 100 เมตร หมอนคอนกรีตรองราง 100 ท่อนในการซ่อมอีกด้วย และขอย้ำว่า การรถไฟฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการซ่อมทางเพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยเร็วที่สุด