Minor International #ได้เรียกร้องค่าเสียหาย จาก Marriott เป็นจำนวนเงิน 570,605,134 บาท เรื่องราวใหญ่โตแบบนี้เป็นมาอย่างไร เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง

โดยปกติแล้วกิจการโรงแรมหรือที่พักต่าง ๆ ที่เป็นเครือใหญ่ ๆ จะมีลักษณะกิจการแตกต่างกันไป แต่วันนี้จะเล่าถึงกิจการรูปแบบหนึ่งที่นิยมทำกันมาสำหรับโรงแรมที่มีมาตรฐานระดับโลกโดยการบริหารโรงแรมแบบนี้มีโครงสร้างของการบริหารประกอบไปด้วยสองส่วนคือ #นักลงทุน เช่น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของสถานที่ แต่บุคคลหรือองค์กรเหล่านี้อาจจะไม่ชำนาญในการบริหารระบบโรงแรม หรือต้องการมาตรฐานที่สูงขึ้นจึงจ้างคนอีกกลุ่มคือ #กลุ่มผู้บริหารโรงแรมที่มีมาตรฐานระดับโลกมา ในกรณีนี้ Minor หรือ MINT เป็นเจ้าของโรงแรมในภูเก็ต ได้ว่าจ้างเครือ Marriott มาบริหารงานโรงแรม JW Marriott Phuket ให้

แต่เนื่องจากเครือโรงแรม Marriott ได้ทำการละเมิดข้อตกลงร่วมกัน โดย MINT เปิดเผยว่าทาง Marriott ได้ละเมิดคือMarriott ทำการแข่งขันอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยกับ JW Marriott Phuket ผ่านการดำเนินงานของโรงแรมคู่แข่งอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มโรงแรม Marriott #ถือว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรงมากในวงการธุรกิจ เพราะในฐานะมืออาชีพควรที่จะยึดมั่นที่จะดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดไม่ใช่มาแข่งกับลูกค้าตัวเอง และมีการบังคับให้ JW Marriott Phuket รับกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำในจำนวนมาก ผ่านโปรแกรมความภักดีของ Marriott และมีการดำเนินโปรแกรมความภักดีที่ขัดต่อผลประโยชน์ต่อ MINT และมีการเก็บค่าลิขสิทธิ์ การรับส่วนลดเงินคืนจากบริษัทคู่ค้าและการใช้เงินในกองทุนโปรแกรมความภักดีของ Marriott อย่างไม่โปร่งใส

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขัดต่อหลักการทำธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะกับ MINT ที่เคยมีประสบการณ์คล้ายคลึงกับเรื่องนี้มาแล้ว ถือว่า MINT ช่างน่าสงสาร ช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนในตอนที่มีปัญหากับ Pizza Hut

โดยเรื่องในตอนนั้นก็คือหลายสิบปีที่แล้ว คุณวิลเลียม ไฮเน็ค นักธุรกิจเชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติไทย ผู้ก่อตั้งอาณาจักร กลุ่ม Minor International ได้สิทธิ์มาสเตอร์ แฟรนไชส์แบรนด์ Pizza Hut ในประเทศไทยจาก Tricon Global Restaurants ซึ่งปัจจุบันคือ Yum! Brands Inc กลุ่มบริษัทร้านอาหารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เจ้าของแบรนด์เชนร้านอาหารบริการด่วนที่ประกอบไปด้วย Pizza Hut, KFC, Taco Bell ได้เริ่มมาทำการตลาดขายพิซซ่าในเมืองไทย

ซึ่ง Pizza Hut ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย ทำให้กลุ่มไมเนอร์ เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง #แต่แล้วจากธุรกิจที่โตวันโตคืนมีอนาคตสดใสวันหนึ่งกลับต้องสะดุดลง เมื่อ ปี 2542 Tricon Global Restaurants ประกาศว่าต้องการเอาแบรนด์ Pizza Hut กลับไปทำเอง ก่อนที่สัญญามาสเตอร์ แฟรนไชส์ที่ให้กับ MINT จะสิ้นสุดลงในปี 2543ทำให้ MINT ไม่พอใจ เป็นได้มีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น แต่ในที่สุดผลการตัดสินของศาล Tricon Global Restaurant ชนะคดี #จึงทำให้MINTได้เริ่มกิจการพิซซ่าของตนเองก็คือ The Pizza Company 1112 นั่นเอง

ซึ่ง MINT ที่มีประสบการณ์ในตลาดไทย เข้าใจผู้บริโภค ได้ขยายจำนวนสาขาให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย ครอบคลุมพื้นที่ด้านการจัดส่ง ทำรสชาติให้ถูกปากคนไทย สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน มีการสื่อสารการตลาดที่ดี และมีราคาที่คุ้มค่าแถมมีการออกโปรโมชั่น 1 แถม 1 เสมอ ๆ ก็ทำให้ The Pizza Company ครองใจคนไทยก้าวมาเป็นเบอร์ 1 โค่นเจ้าดั้งเดิมอย่าง Pizza Hut ในที่สุด เป็นการตอกย้ำได้ว่า ทาง MINT เองก็ #มีศักยภาพในการสร้างแบรนด์ได้เองอย่างมีมาตรฐาน อย่างที่เราได้เห็นเราคงต้องมาดูกันว่า #MINTจะงัดไม้เด็ดอะไรมาจัดการกับกลุ่มMarriott ในคราวนี้และ MINT จะเติบโตอย่างไรต่อไปในอนาคตเรื่องนี้สอนให้ผู้ประกอบการทั้งหลายได้รู้ว่า #บางครั้งการร่วมมือกันทางธุรกิจก็เหมือนกับการแต่งงาน คงต้องเลือกคู่ให้ดี ไม่ใช่แค่ดูที่โปรไฟล์ว่าดูดี เก่งกาจ มีความสามารถมาจากไหน เพราะสุดท้ายแล้วการที่จะพาชีวิตคู่ (หรือการร่วมมือทางธุรกิจ) ไปรอดก็ต้องดูที่คุณความดี ความมีคุณธรรมของอีกฝ่ายเหมือนคำพูดที่ว่า ต้องมีศีลเสมอกัน นั่นเอง

Advertisement
Previous article6 หลักการบริหารแบบเจ้าสัวธนินท์ สู่ความสำเร็จแบบยั่งยืน
Next articleสู้วิกฤต COVID-19 กับงานซื้อขายรถ ใหม่ถูกดี!!