Home Knowledge การพัฒนาตนเอง ช่วง WFH.

การพัฒนาตนเอง ช่วง WFH.

0
การพัฒนาตนเอง ช่วง WFH.

ในขณะที่เรากำลังป้องกันตนเองจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นและให้ข้อคิดต่าง ๆ กับเรามากมาย หลายเรื่องราวก็เป็นเรื่องประสบการณ์ใหม่ บางเรื่องก็เป็นประสบการณ์เดิม

แต่ย้อนกลับมาเตือนความทรงจำของเราเพื่อปรับปรุงแก้ไขวิธีคิดวิธีทำของเราอีก โรคระบาดมาแล้ว เช่น ภัยจากกาฬนกนางแอ่น ภัยจากเชื้อฉี่หนู ภัยจากไข้หวัดนก ถ้าอดีตลึก ๆ ลงไปก็มีโรคอหิวาตกโรคหรือภาษาบ้าน ๆ เรียกโรคห่า ที่เราคุ้น ๆ ก็มีวัณโรค โรคเรื้อน โรคสมัยใหม่ก็มีโรคเอดส์ เอ่ยมา ก็ล้วนเป็นโรคละบาดทั้งนั้นเพียงแต่หนักหรือนานมากน้อยต่างกัน พอเป็นอะไรกันทีก็เกิดประเด็นต้องหาวัคซีนมาป้องกัน ต้องมีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก ต้องหาวิธีการรักษา และวิธีป้องกันอุตลุด

เหตุการณ์ไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ถ้าคิด ๆ ก็คือครบวาระของวิถีโรคระบาด ประวัติศาสตร์โรคระบาดใหญ่เล่าขาน เมื่อร้อยปีก่อนนี้ มีโรคระบาดชนิดหนึ่ง สมัยนั้นเรียกกันว่าไข้หวัดสเปน ชื่อก็ดูไม่น่ากลัว แต่คนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้ช่วงนั้นประมาณห้าหมื่นคน ซึ่งถ้าเทียบกับไวรัสโควิด-19 ดูจะรุนแรงกว่า แต่ไวรัสโควิด-19 นี่ถือได้ว่าเป็นโรคระบาดสากล เพราะระบาดกันทุกประเทศทั่วโลก และมีปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งภายความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศของเราเข้ามาแทรก เลยดูเป็นโรคระบาดใหญ่หลวงมากขึ้น

เรายังมีภัยอีกประเภทที่เกิดขึ้นก็รุนแรงมาก ก็คือภัยธรรมชาติ ที่ได้ยินกันบ่อยก็ภัยแล้ง อุทกภัย มรสุม แผ่นดินไหว น้ำท่วม ซึนามิ ภูเขาไฟระเบิด ประเทศไทยยังโชคดีกว่าหลาย ๆ ประเทศ ที่เราไม่มีภูเขาไฟ ไม่มีแผ่นดินไหวรุนแรง จะมีก็น้ำท่วม ซึนามิค่อนข้างจะรุนแรงที่สุด ภัยธรรมชาตินี้ถ้าเกิดขึ้นที่ไหนก็เสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งก็วนเวียนเป็นวาระเป็นระยะ ๆ ตามวิถีธรรมชาติหรือตามฤดูกาล

สรุปว่า เราก็หนีไม่พ้น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่วันนี้ก็วันหน้า องค์กรใหญ่ ๆ ก็หาวิธีแก้ปัญหาทางธุรกิจให้เดินไปได้ไม่สะดุด แม้ว่าจะไม่ราบรื่น แต่ก็ก็พอดำเนินการได้ ธุรกิจเล็ก ๆ ก็แย่หน่อย เพราะสายป่านทางการเงินไม่พอ ก็เลยเดือดร้อนไปถึงพนักงานในองค์กร ธุรกิจเล็ก ๆ ก็กระทบหนัก พนักงานประจำมีสวัสดิการ ก็จะปลอดภัยมากกว่า แต่ถ้าพนักงานคนแรงงานตามโรงงานไม่มีเงินเดือนประจำก็คงเดือดร้อน ตามที่เราได้ยินข่าวโรงงานปิด บริษัทปิด ถึงกับเสียใจร้องไห้ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป

หลายองค์กรสวัสดิการดี เป็นห่วงเป็นใยบุคลากรทำงาน ให้สับเปลี่ยนกันมาประจำที่ทำงาน ส่วนบางคนก็สามารถทำงานที่บ้านได้ ที่เราเรียกว่า Work From Home (WFH) ซึ่งแต่ละองค์กรก็จัดระเบียบ วิธีปฏิบัติ เพื่อให้มั่นใจว่างานจะไม่สะดุด และไม่ล่าช้า แต่เท่าที่สอบถามและติดต่อตามจาดคนที่รู้จักกัน มักจะได้ยินว่า ไม่ได้งานจากการ Work from Home เท่าไรนัก เหมือนผลัดเปลี่ยนกันไปพักผ่อน และเป็นสวัสดิการเพื่อความปลอดภัย ระบบ Work from Home ดังกล่าวจะมีปัญหาที่ทำให้ไม่ได้งานเท่าที่คาดหวัง เป็นต้นสำหรับพนักงานมีเงินเดือนประจำ วิจารณ์ว่าไม่เหมาะกับคนไทยด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิเช่น

การติดต่อสื่อสารระหว่างที่ทำงานกับที่บ้านไม่สะดวก ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น อินเตอร์เน็ต อย่างต่ำก็ต้องมี Note Book หรือ Computer ซึ่งส่วนมากหลาย ๆ ท่านได้ตั้งเป็นระเบียบแยกแยะ งานต้องทำที่บริษัทหรือที่ทำงาน ส่วนที่บ้านก็งานส่วนตัวงานอดิเรก ไม่เอามาปนกัน ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรมของคนไทยอยู่แล้ว พอเอางาน Office ไปทำที่บ้านก็เลยไม่ได้งานเท่าที่น่าจะเป็น ประการสำคัญที่สุด คือ ระเบียบวินัยในการทำงานของพวกเราเอง ทำงานที่สำนักงานผู้บังคับบัญชายังต้องคอยกระตุ้น เรียกถามสรุปงานเป็นวัน ๆ พอทำงานที่บ้าน การติดตามก็ไม่สะดวก ห่างไกล ไม่เห็นกัน ไม่รู้ว่าทำงานจริงหรือเปล่า ดูจากรายงานก็ไม่แน่ใจว่ารายงานจริงหรือหลอกกัน

นิสัยของบางคนไม่ได้ปลูกฝังจิตใจกับงาน ไม่ได้มีนิสัยรักการทำงาน หรือมุ่งมั่นกับงาน ขาดความรับผิดชอบ พอได้ทำงานที่บ้านก็เลยมีพฤติกรรม ไม่เหมือนกับการทำงานที่บริษัท เช่นตื่นสายสบาย ๆ นั่งดูทีวี วีดีโอ ฟังเพลง ทำงานไปดูทีวีไป นัดเพื่อนสังสรรค์กัน ตรงนี้เป็นเรื่องจริงส่วนมาก แต่ไม่ยอมรับไม่ยอมเปิดเผย ยกเว้นบางที่คุยกันในที่ทำงานแล้วหลุดความจริงออกมา

เรื่องการปลูกฝังนิสัยเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญยิ่ง ในสถานการณ์ปกติก็สำคัญอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์ไม่ปกติ จำเป็นมาก ๆ ตัวอย่างที่พบเห็น เรื่องของนักเรียน เมื่อใดที่มีปิดเทอม นักเรียนจะไชโยดีใจ ครูก็เป็นไปด้วย (จำนวนหนึ่ง) แต่ก็มีผู้ปกครอง นักเรียนจำนวนหนึ่ง ครูจำนวนหนึ่งวิตกว่า นักเรียนจะเรียนไม่ทัน หรือได้ผ่านขึ้นชั้นอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ นี่ก็เป็นเรื่องของนิสัย การปลูกฝังนิสัยความรับผิดชอบ การจดจ่อกับหน้าที่ กับสิ่งที่ต้องทำ

หลายองค์กร เขามองหาคนทำงานที่มีนิสัยรักงาน มุ่งมั่นจริงจังกับงาน เขาไม่แสวงหาคนเก่ง เหมือนกับที่มีการสัมภาษณ์ใครก็ไม่รู้ในสื่อสาธารณะ ที่เอ่ยว่า ถ้าเขาเลือกผู้บริหารประเทศได้ จะเลือกคนเก่งแต่โกงก็ไม่เป็นไร ในทางตรงกันข้ามองค์กรจะเลือกคนนิสัยดีทำงาน เพราะความเก่งหรือความสามารถเราปลูกฝังเราสอนกันได้ แต่ถ้านิสัยไม่ดี องค์กรจะมีปัญหาในองค์กรทั้งด้านการบริหารทีมงานและด้านการทุจริตเงินรั่วไหล

พอดีช่วงนี้ ผมอ่านเรื่องการทำงานของโค๊ชเช ชาวเกาหลีที่โด่งดังปั้นนักเทควันโดเหรียญทองโลกหรือโอลิมปิกโค๊ชเชเล่าว่า วันแรกที่เริ่มมาทำงาน ท่านมาที่ซ้อมก่อนแต่เช้าเลย หลังจากนั้นนักกีฬาก็ทยอยมา จนถึงเวลากำหนดการซ้อม แต่ก็มีนักกีฬาหลายคนมาสายเลยเวลาที่กำหนด โค๊ชเชเรียกมาพบแล้ว สอบถามว่าทำไมมาสาย นักกีฬาชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ นานา โค๊ชเชบอกนักกีฬาที่มาสายว่า ให้กลับบ้านวันนี้ ไม่ต้องซ้อม “เพราะคุณยังไม่พร้อมที่จะซ้อม” พร้อมแล้วให้มาใหม่ตามเวลานัดหมาย สรุปว่า โค๊ชเชเน้นที่การสร้างนิสัยก่อน โฟกัสไปที่สิ่งที่จะทำ เมื่อนักกีฬามีนิสัย มีระเบียบ การฝึกเพื่อให้เก่งก็สามารถทำได้ โค๊ชเชสอนมุ่งเน้นทำให้ดีที่สุด ยึดมั่นกฎกติกา ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเป็นแชมป์ ทำให้เต็มที่ ฝึกให้ดีที่สุด ตั้งใจในการฝึกซ้อม ถ้าซ้อมดี การเป็นแชมป์มาเอง แต่ถ้าฝึกซ้อมไม่มีวินัย ก็จะห่างความเป็นแชมป์

ช่วงโควิดนี้ ผมก็มีผลกระทบเหมือนกัน เล่นเอากลุ้มไปพักนึง แต่แล้วก็นึกปรับเปลี่ยนตนเองว่า เราจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา ทำอะไรให้ไม่เบื่อหน่าย และเกิดคุณค่าซึ่งก็ได้หลายวิธี เช่น

  • เริ่มจากไม่ปล่อยให้ตนเองว่าง อยู่เฉย ๆ โดยเปิดวีดีโอ เปิด Google ฟังบรรยายทาง Google ไม่เพียงฟังเปล่า ๆ จดบันทึก เพราะฟังแล้วไม่จดก็ลืมหมด จดเป็นเรื่อง ๆ เป็นข้อ ๆ ก็ได้ประโยชน์มากมาย ที่สำคัญก็คือ เวลาที่ไม่มีอะไรทำ เราก็จะหงุดหงิด จิตใจว้าวุ่น ทำอย่างนี้ก็เลยได้ความรู้ ได้ข้อคิดให้กับตนเองว่า อย่าปล่อยเวลาว่าง เพราะจะหมดคุณค่า
  • เปิดวีดีโอไปมาก็ได้ไอเดียจากวิทยากรกิตติมศักดิ์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ท่านบอกว่า ทุกวันนี้ท่านยังอ่านหนังสือทุกวัน สัปดาห์ละหลายเล่ม ผมก็เลยอยากอ่านหนังสือ แต่ไม่มีเงินจะซื้อหนังสือใหม่จึงประหยัดโดยไปเอาหนังสือเก่า ๆ ที่เคยซื้อ อ่านแล้วเก็บไว้ และก็เริ่มอ่านใหม่ อ่านแล้วจด ก็ได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็ได้อะไรมาเขียนแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านได้หลายเรื่อง
  • ฝึกมีวินัยในตนเอง ไม่นอนตื่นสาย ปกติวันทำงาน ผมจะตื่นตีสามตีสี่ เพราะต้องเดินทางจากกาญจนบุรีมาทำงานในกทม. แต่ถ้าวันไม่ทำงานผมจะนอนตื่นสาย ก็เลยเปลี่ยน ตื่นแต่เช้าทุกกวัน เดินออกกำลังกานยามเช้า แล้วแวะตลาดซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กลับบ้าน การตื่นเช้าก็ได้อะไรหลายอย่าง ได้ออกกำลังกาน ได้อาบแดดอ่อน ๆ แล้วมีเวลาคิดว่าจะทำอะไรได้อีกมากมายในแต่ละวัน แต่เราจะตื่นเช้าเราต้องฝึกนอนเร็ว พักผ่อนให้พอ ก็จะตื่นเช้าได้ และเมื่อตื่นแล้วเราต้องมีกิจกรรมจะทำอะไร ไม่ใช่ตื่นมาแล้วนั่งเฉย ไม่มีอะไรทำ อย่างนี้เราก็จะเบื่อ ไม่อยากตื่นเช้าอีก
  •  ใช้ชีวิตประจำวันให้เป็น โดยจัดตารางว่าวันนี้จะทำอะไร บ้าง ติดต่อใครบ้าง ทักทายเพื่อนทางไลน์ทางเฟสแต่เช้า อย่างน้อยก็ได้บรรยากาศ ได้คุยกัน เราไม่สามารถเปิดสังคมกาแฟได้ เพราะอยู่ในช่วงต้องห้าม เราก็คุยกันทางไลน์ สัมพันธภาพก็ดีขึ้น ได้มีโอกาสให้คำแนะนำเพื่อนบางคนที่ห่างเหินไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว
  • จัดเวลาทำงานให้เหมาะสม งานส่วนตัว งานองค์กรที่รับผิดชอบ งานสังคม ผมได้อยู่ในงานสังคมและได้มีเวลากับครอบครัวมากขึ้น มีเวลาดูแล พูดคุยกับภรรยาและลูกมากขึ้น ทานอาหารด้วยกันบ่อยขึ้น ก็พบความสุขอีกรูปแบบ ไม่มีความวุ่นวาย งานรัดตัว ไม่ว่าง
  • ผมมีเวลาที่จะสวดภาวนามากขึ้นในช่วงนี้ เอาบทสวดมนต์มานั่งสวด นั่งสมาธิ ฝึกจิตใจให้สงบ สร้างความบรรเทาใจ สร้างความสุขทางใจ คิดถึงตนเองมากขึ้น อะไรเราบกพร่องก็แก้ไข อะไรดีแล้วก็ทำให้ดีขึ้น
  • จัดสรรเวลาสำหรับพักผ่อน และออกกำลังกาย ยอมรับว่า ช่วงนี้งานกิจกรรมไม่มีเลย เขาไม่มีการสัมมนาอบรม ก็ไม่มีงานบรรยาย ผมได้ออกต่างจังหวัด เวลาก็เหลือมากขึ้น ซึ่งก็กำหนดตนเองว่า จะใช้ช่วงนี้ทำอะไร เพื่อเป็นการเตรียมการในอนาคต พักผ่อนได้แต่อย่าเลยเถิดจนเสียระเบียบวินัย และเป็นต้นเหตุนิสัยเสีย เหมือนอ่อนซ้อมไปแล้ว
  • ทำ To Do List ทำเวลากลางคืนว่ามีงานอะไรที่จะทำ ตัวอย่างเช่น ผมเป็นผู้บรรยาย ผมก็เอา PowerPoint บรรยายมาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม และทำ PowerPoint เรื่องใหม่ เตรียมไว้สำหรับอนาคต เมื่อถึงโอกาสก็จะได้เสนอต้นสังกัดเพื่อขออนุมัติบรรยาย เป็นต้น
  • กำหนดเวลาในการเช็ค Email และการส่งการตอบ Email หรือ Line ในแต่ละวัน เพื่อไม่ขาดการติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน หรือสังคม ไม่ใช่ช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาดก็หายจ้อยไปเลย เดี๋ยวจะต่อไม่ติด

ข้อคิดเหล่านี้ ก็ช่วยให้ผมสนุกกับงานในช่วงโควิดระบาด ทำให้ชีวิตเป็นสุข ไม่เหงา ไม่เบื่อ ผู้อ่านแก้เซ็งในชีวิตขณะนี้ได้ อาจจะนำไปใช้ ชีวิตจะได้ร่มเย็นเป็นสุข ขอให้เราผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต New Normal อย่างมีคุณค่าไปด้วยกัน

www.advancedbizmagazine.com